My Love ไม่คิดว่าจะรัก - นิยาย My Love ไม่คิดว่าจะรัก : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    My Love ไม่คิดว่าจะรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    642

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    642

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  49 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ย. 67 / 12:02 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    [รุ่นลูกของเก้า+เพียงจันทร์ จากเรื่อง Just friend เพื่อนสัมพันธ์]

    “กำปั้น น่ารักแค่ชื่อเท่านั้นแหละ” 

    “แม่พูดแบบนี้อีกแล้วนะ”

    “ทำไม?”

    “เปล่าครับ”

    ในโลกใบนี้จะเก่งกับใครก็ได้ยกเว้นแม่ ฟังไม่ผิดครับ คนที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผมไม่ใช่พ่ออย่างที่ใคร ๆ คิดหรอกแต่เป็นคุณแม่คนสวยต่างหาก แม้แต่พ่อที่ว่าแน่ก็ยังต้องฟังแม่เลย 

    “เรื่องฝึกงานไปถึงไหนแล้ว”

    “อีกสองอาทิตย์เริ่มครับ”

    “แล้วจะเรียนต่อไหม”

    “เรียนครับ ต่อปวส.นั่นแหละ” 

    “อืม” ผมกำลังจะจบปวช.สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ เหลือฝึกงานแค่นั้นเอง “เรื่องผู้หญิงให้มันเบา ๆ หน่อยนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะปรายตามองผมเล็กน้อย 

    “โทษทีพอดีลูกชายพ่อมันหล่อ”

    “หล่อให้ดีแล้วกัน ไม่ใช่อยู่ดี ๆ กูมีหลานแบบไม่ทันตั้งตัวล่ะ”

    “ผมป้องกันอย่างดีพ่อสบายใจได้”

    “เออ”

    ครอบครัวเราคุยกันได้ทุกเรื่องครับ พ่อกับแม่ไม่เคยห้ามไม่ว่าผมจะทำอะไร มีเรื่องชกต่อยบ้างตามประสาก็ไม่เคยด่า พ่อบอกว่าเกิดมาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม ผิดถูกเป็นยังไงเรียนรู้เอาเอง ทุกอย่างมีเหตุก็ต้องมีผลเมื่อทำลงไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ด้วย อีกอย่างบ้านไม่ใช่แค่สถานที่แต่บ้านคือความรู้สึก 

    ผมมีน้องสาวหนึ่งคน น้องชื่อเพียงฝันครับ เราห่างกันถึงสามปี น้องกำลังจะจบมัธยมต้น บ้านเรามีธุรกิจส่วนตัว แถมยังมีคุณแม่เจ้าระเบียบที่เป็นถึงทนายความอีกด้วย แต่เจ้าระเบียบที่ว่าก็เป็นเฉพาะกับผมเท่านั้นแหละ จะว่ายังไงดีล่ะ ทั้งบ้านแม่เป็นคนเดียวครับที่คอยฉุดรั้งเวลาที่ผมหรือน้องออกนอกเส้นทาง วิธีแสนเลือดเย็นไว้ใช้กับผมส่วนของน้องพ่อจะเป็นคนจัดการแทน

    “ไม่ต้องรอนะ วันนี้ผมจะไปบ้านเพื่อน” เอ่ยบอกแม่ที่กำลังจะเข้าครัวเตรียมทำมื้อเย็น 

    “อย่าลืมไปรับน้องนะ”

    “ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะเข้าไปสวมกอดแล้วหอมแก้มอย่างเช่นทุกครั้ง

    “ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ไม่พูดเปล่าพ่อยังรั้งแม่ให้ออกห่างจากผมอีกด้วย

    “โธ่พ่อ! นี่แม่ผมนะ”

    “แม่มึงแต่เมียกู โตเป็นควายแล้วมาหงมาหอมอยู่อีก” ดูความขี้หวงเถอะครับ เชื่อเขาเลย

    “เฮ้อ... พ่อน่าเบื่อจังแต่ไม่เบื่อแม่คนสวยหรอกนะ” ผมว่ายิ้ม ๆ แล้วหอมแก้มแม่อีกครั้ง

    “ไอ้นี่!”

    “ฮ่า ๆ ไปแล้ว ๆ” ขืนยังกวนประสาทต่อต้องถูกด่าแน่นอน 

    ช่วงเย็นผมไปรับเพียงฝันอย่างเช่นทุกครั้ง แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่มีรอยเล็บบนใบหน้านี่แหละ

    “หนู...”

    “ไปคุยกันที่บ้าน”

    แน่นอนว่ากลับถึงบ้านก็ถูกพ่อบ่นไปตามระเบียบ... แค่บ่นเท่านั้นแหละ น้องอ้อนหน่อยพ่อก็ใจอ่อนแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ เขาก็จะมีวิธีจัดการในแบบของเขา

    “แกอีกคน อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าไอ้ที่ไปสักมาเพราะปิดรอยแผลเป็น” ครับ ตามนั้นเลย พ่อผู้ล่วงรู้ความลับของผมแทบทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องหัวใจก็ด้วย “กูกับไอ้โอมเป็นเพื่อนรักกัน มึงจะทำอะไรช่วยนึกถึงตรงนี้ด้วย” 

    “ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”

    “กูให้มึงพูดใหม่”

    “ผมกับเอิงเอยเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขาเป็นคนเลือกที่จะไปเอง”

    “ก็มึงมันหว่านเสน่ห์ไปเรื่อยใครที่ไหนเขาจะอยู่ กูขอแต่ทีแรกแล้วไงว่าอย่านะ แต่พูดกับมึงมันก็เท่านั้นแหละยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ” 

    “พ่อสบายใจได้ ความสัมพันธ์ของพ่อกับลุงโอมไม่แตกหักกันเพราะผมแน่นอน” 

    “กูไม่กลัวแตกหักกับไอ้โอมหรอกกูกลัวมึงจะไม่เป็นผู้เป็นคนเพราะการกระทำของตัวเองมากกว่า”

    “...”

    “ช่างเถอะ! พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ไว้เจอคนที่คิดจะรักและอยากอยู่ด้วยจริง ๆ นั่นแหละถึงจะรู้ตัว” 

    ผมไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดจนกระทั่งใครบางคนผ่านเข้ามาในชีวิต

    “สนใจเหรอวะ”

    “เปล่า”

    “ในโลกนี้มึงโกหกใครก็ได้นะ แต่ไม่ใช่กูที่เป็นเพื่อนสนิทมึง ใครก็ได้ที่ไม่ใช่น้องกู ถือว่ากูขอ...”

    “พูดเหี้ยอะไรของมึง กูไม่คิดอะไรสักหน่อย” 

    “งั้นเหรอ” น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อเอ่ยก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ “เราต่างคนต่างเหี้ย มึงเองก็มีน้องสาวหวังว่าคงเข้าใจ”

    “เดี๋ยวอย่าเพิ่ง ไอ้มิวสิคมึงต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะ ไอ้ปั้นมันไม่ได้อะไรหรอก มึงก็รู้ว่าคนที่มันปักใจอยู่ตอนนี้คือพี่เอิงเอยคนสวย” ไอ้เคมีกระแนะกระแหนขึ้นมาบ้าง ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะแต่นั่นมันเมื่อก่อนไง ความสัมพันธ์ของเรามันจบไปแล้วครับ

    “ถ้าเมื่อก่อนกูไม่เถียง แต่ตอนนี้กูไม่เชื่อ”

    ถึงตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วครับว่าทำไมพ่อถึงห้ามหัวชนฝาเรื่องที่ผมกับเอยคบกัน ความสัมพันธ์ที่ตัดกันแล้วเจ็บที่สุดคงไม่พ้นเพื่อนตัดเพื่อน เพราะทุกคนต่างเลือกคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว ตรงกันข้ามถ้ามันจีบเพียงฝันผมก็คงค้านเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเราสนิทกันมากถึงขนาดแค่มองตาก็รู้ใจ มันเป็นยังไงผมก็เป็นแบบนั้นแหละ 

    แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อใครบางคนเริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผม

    “ไม่ไปได้ไหมคะ”

    “…”

    “พี่ไม่ไปกับเขาได้ไหม”

    “อย่ารั้งให้เสียเวลาเลย คนที่ไม่คิดจริงจังกับใครเขาหวังแค่ร่างกายอย่างเดียวเท่านั้นแหละ” 

    “รู้แบบนี้แล้วก็ช่วยบอกน้องมึงด้วยว่าอย่ายุ่งกับกูอีก”

    “หนูจะยุ่ง! พี่จะมีใครก็เรื่องของพี่” 

    “...” ยิ่งพยามห่างเท่าไหร่ทำไมมันเหมือนยิ่งใกล้เท่านั้นนะ 

    (ผัวะ!)

    “กูยังอยากเป็นเพื่อนกับมึงอยู่นะ”

    “ไอ้มิวใจเย็น ๆ ฟังมันอธิบายก่อน” 

    “ต้องฟังอะไรอีกพวกมึงก็เห็น กูเคยขอแล้วไงว่าใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่น้องกู!”

    “ฮึก! พี่มิวพอแล้ว หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายตามเขา”

    “เสียงเพลง!”

    “ฮึก...”

    “ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ได้ งั้นต่อไปนี้มึงเป็นฝ่ายตามน้องกูบ้างก็แล้วกัน” 

    ประโยคทิ้งท้ายถูกพ่นออกมา แล้วก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พูดคุยกัน ในที่สุดก็เสียเพื่อนจนได้ แต่ผมไม่โทษใครหรอกนะ ทั้งหมดนี้มันก็พังเพราะการกระทำของผมอย่างที่พ่อเคยเตือนจริง ๆ นั่นแหละ ...

    ฉันรู้จุดจบของความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีแต่ฉันก็เลือกที่จะอยู่ต่อ

    ความรักครั้งก่อนทำเอาฉันสาหัสไม่น้อยเลย มันทำให้ฉันไม่เป็นตัวเองและจมอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ จนกระทั่งเจอใครคนหนึ่ง

    “เป็นเด็กเป็นเล็กดื่มอะไรขนาดนั้น” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน “อกหักหรือไง”

    “อือ”

    “เจ็บแป๊บเดียวก็หายแล้วไม่ตายง่าย ๆ หรอก” คำปลอบใจไร้ซึ่งความอ่อนโยนถูกเอ่ยออกมาก่อนจะแย่งเครื่องดื่มในมือฉันไปดื่มจนหมด “อกหักเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ เขาเริ่มต้นใหม่กันทั้งนั้นแหละ” 

    “เริ่มต้นใหม่เหรอคะ” ใช่ค่ะ ฉันเริ่มต้นใหม่จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงหวั่นไหวง่ายตอนที่กำลังเสียใจ เพราะใครอีกคนเข้ามาทำให้รู้สึกว่าตัวเรามีค่ากับเขาไง

    ความสัมพันธ์ของเราไม่มีชื่อเรียก เขาไม่บอกใคร ส่วนฉันก็บอกใครไม่ได้ เป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันแค่สองคนจริง ๆ ค่ะ 

    ชื่อเสียงเรียงนามของเขาฉันได้ยินมาหนาหูพอสมควร แต่ก็เลือกที่จะมองข้ามแล้วมีความสุขกับพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเอง ตราบใดที่เขายังไม่เรียกใครว่าแฟนฉันก็ถือว่าฉันยังมีสิทธิ์ค่ะ

    ตลอดระยะเวลาสามปีฉันมีความสุขมากกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มาก มากจนไม่คิดว่าจะได้ใช้ประโยคปลอบใจของเขากับตัวเองอีกครั้ง 

    “คนเดียวที่ผมรักมีแค่เอย...”

    “...” คนเดียวในใจเขาก็ยังคงเป็นรักแรกของเขาอยู่ดี ขณะที่ฉันมีแค่เขาทั้งหัวใจ

    “พี่เคยเตือนแล้วไม่ใช่เหรอ” ประโยคหวังดีถูกเอ่ยออกมาจากปากของพี่ชายฉัน “ทำไมเราถึงดื้อดึงแบบนี้”

    “ฮึก...”

    และแล้วทุกอย่างก็กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวใจของฉันกลับบอบช้ำกว่าเดิมซะอีก อาจเป็นเพราะยังเด็กเลยไม่เข้าใจว่าความรักที่ดีมันเป็นยังไง ผู้ชายที่ดีมันเป็นแบบไหน หรือเป็นฉันเองที่ไม่ดีพอ ...

    หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นจบลง ฉันก็ทรยศความซื่อสัตย์ของตัวเองด้วยการไม่จริงจังกับใคร มันแปลกที่ฉันไม่พบความสุขในช่วงเวลานั้นเลย แต่ทำไมเขาทำแล้วมีความสุขล่ะ 

    “พี่ขอโทษ”

    “เก็บคำขอโทษของพี่ไว้ใช้กับคนที่พี่รักเถอะ”

    “...”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น